วิธีนี้มีเรียกชื่อว่า "Credit" Spread ประกอบไปด้วยการ Sell to open (sto) Option ที่อยู่ใกล้ และ Buy to open (bto) ราคาถัดออกไปอีก 1 ช่อง ถ้าชื่อเฉพาะเจาะจงลงไปอีกก็ Bear call spread (short call spread) และ Bull put spread (short put spread) ข้อดีของ short spread คือใช้ required margin ต่ำกว่า short call หรือ put ขาเดียวเยอะมาก และเป็น limited loss ครับ
ตยเช่น วันนี้ผมมองว่าวันศุกร์ $AAPL ราคาจะปิดไม่ถึง 575 วิธีการคำนวณมีดังนี้ครับ
sto AAPL Weekly 575 call ราคา market 0.91
bto AAPL Weekly 580 call ราคา market 0.47
Maximum profit ที่จะได้ต่อ 1 คู่ spread คือ (0.91-0.47)*100 = $44 (ex. com.)
ในทางกลับกัน ถ้าผมมองว่าวันศุกร์ราคาปิดจะไม่ต่ำกว่า 845
sto AAPL Weekly 545 put ราคา market 1.40
bto AAPL Weekly 540 put ราคา market 0.90
Maximum profit ที่จะได้ต่อ 1 คู่ spread คือ (1.40-0.90)*100 = $50 (ex. com.)
จะเห็นได้ว่า Max Profit คือผลต่างของราคา options แต่ละตัว ณ วันที่เราเปิดสถานะนั่นเองครับ
ส่วน required margin นั้น คำนวณง่ายนิดเดียว
|spread1-spread2|*100 จาก ตย แรก จะได้ |580-575|*100 = $500
หมายความว่า 1 คู่spread คุณต้องวางเงินจำนวน $500 ถึงจะเปิดสถานะได้ (หลักการคิดเหมือน Futures ครับ ยกเว้นว่าไม่มีการ call margin ^^)
ทีนี้มาถึง Max loss กันบ้างครับ คิดไม่ยากเลย required margin - Max profit
จาก ตย แรก Max loss = 500-44 = $456 !!!
ข้อเสียของวิธีนี้อยู่ตรงนี้เองครับ จากที่ผมเคยบอก risk:reward มันมากกว่า 1 ดังนั้นการควบคุมที่ดีคือมี stop loss มากำกับครับ จากเวปที่ผมศึกษามาเค้าใช้ risk:reward 1:1 คือไม่ขาดทุนมากกว่ากำไรที่จะได้รับ
วิธีนี้อาจมองว่าเป็นวิธีที่เสี่ยงและ return ค่อนข้างน้อย แต่ข้อดีผมมองว่ามันไม่ค่อยต้องยุ่งกับ technical มาก และไม่ต้องใช้เวลานั่งเฝ้าจอนาน ซึ่งมันจะมี trick เพิ่มเติมนิดหน่อยในการเลือกราคาและ timing ที่เราจะเปิดสถานะ ถ้าใครสนใจผมจะมาเขียนเพิ่มให้วันหลังครับ
อ่อ แล้ววิธีนี้ใช้ได้กับ port ประเภท margin เท่านั้น cash หมดสิทธิ์ครับ
เพิ่มเิติมอีกนิดดครับ Max profit ต้องถือจน Options หมดอายุครับ
ReplyDeleteขอบคุณครับ
ReplyDeleteอยากทราบ trick เพิ่มเติมในการเลือกราคาและ timing ที่เปิดสถานะคับ รบกวนสอนได้มั้ยคับ
ReplyDelete